ขอความเป็นธรรมให้ฉันด้วย

เมื่อกลางปีที่ผ่านมา  มีข่าวอดีตพระภิกษุรูปหนึ่งตกเป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน ๑๕ ปี  ต่อมาภายหลัง  ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว  ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง  จึงพิพากษายกฟ้อง

หลังฟังคำพิพากษา  อดีตพระภิกษุรูปนั้นได้กล่าวว่า  "ขอความเป็นธรรมให้ฉันด้วย  คดีนี้ศาลตัดสินว่าฉันไม่ผิด  ที่เป็นข่าวไปทำให้เสียหายมาก  ฉันโดนกลั่นแกล้ง"
.....

ในช่วงต้นพุทธกาล  มีหญิงปริพาชิกาคนหนึ่ง  นามว่า  จิญจา  ได้เคยใส่ร้ายพระพุทธเจ้า  ถึงขนาดทำเล่ห์อุบายว่าตนได้ตั้งครรภ์กับพระพุทธเจ้า  โวยวายเรียกร้องให้พระพุทธเจ้ารับผิดชอบ  ท่ามกลางผู้คนที่กำลังฟังธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก
(อ่านเพิ่มเติมได้ในจิญจมาณวิกาวัตถุ)
.....





ถ้าเราได้ศึกษาพระธรรมมาดีแล้ว  เราจะตระหนักอยู่เสมอว่า
"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน  เป็นผู้รับผลของกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด  มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์  มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ใครทำกรรมใดไว้  จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม  ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น"

การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกนางจิญจากล่าวตู่ด้วยคำไม่จริง  ก็เป็นผลกรรมที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้ในอดีต  ดังที่มีแสดงไว้ในพุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติ
(อ่านเพิ่มเติมในผลกรรมที่พระพุทธเจ้าได้รับ)

สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีปัจจัย
เหตุดี  ผลจึงดี
เหตุไม่ดี  ผลย่อมไม่ดี

การที่ใครสักคนถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด
ถ้าผู้นั้นกระทำความผิดจริง  ก็ย่อมสมควรที่จะถูกกล่าวหาเช่นนั้น  ไม่ต้องร้องขอความเป็นธรรม
แต่ถ้าผู้นั้นไม่ได้กระทำความผิดจริง  การที่ถูกกล่าวหาก็ย่อมเป็นผลจากเหตุที่เคยกระทำไม่ดีมาในอดีต  (ไม่ว่าจะกระทำไว้ในอดีตชาตินี้หรือในอดีตชาติก่อน ๆ)  เมื่อเป็นเช่นนี้  ก็ไม่ต้องร้องขอความเป็นธรรมอีกเช่นกัน

การร้องขอความเป็นธรรม  เพื่อให้ผู้อื่นสงสาร  ให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ  ย่อมมิใช่วิสัยของผู้ที่รู้ธรรมเห็นธรรม

กรรมและผลของกรรม  ยุติธรรมเสมอ
สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา  เป็นผลจากเหตุที่เราทำไว้เอง
เราทุกคนต่างก็ได้รับความเป็นธรรม ตามผลของการกระทำของเราเองอยู่แล้ว
..........