คล้ายพระธรรม แต่ไม่ใช่


"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  เมื่อข้าพระองค์ถูกเขาถามอย่างนี้  ตอบอย่างนี้
จะชื่อว่าพูดตรงตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้
ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำเท็จหรือ
ชื่อว่ากล่าวแก้อย่างสมเหตุสมผล
ไม่มีบ้างหรือที่คำกล่าวเช่นนั้นและคำที่กล่าวต่อ ๆ กันมาจะเป็นเหตุให้ถูกตำหนิได้
พระพุทธเจ้าข้า"

คำถามข้างต้นนี้  มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้มาถามปัญหากับพระอริยสาวกทั้งหลาย

พระอริยสาวกเหล่านั้นเมื่อตอบปัญหานั้น ๆ แล้ว  ก็มักจะไปกราบทูลให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบ
พร้อมกับทูลถามว่าที่ตนตอบปัญหาไปอย่างนั้น ๆ  ชื่อว่าตอบตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หรือไม่
ไม่ใช่ตอบโดยความคิดเห็นส่วนตัว  แต่อ้างว่าเป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้า
.....
(ดูตัวอย่างเหตุการณ์เช่นนี้ในสัมพหุลภิกขุสูตร)

ในปัจจุบันนี้  มีการเผยแผ่ธรรมะออกตามสื่อต่าง ๆ มากมาย

บางเรื่องก็เหมือนเป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้า
แต่ที่จริงแล้ว  อาจจะไม่ใช่พระธรรมทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้
.....


(ขอบคุณภาพจาก pixabay.com)

ยกตัวอย่างเช่น  ถ้ามีหนังสือเล่มหนึ่ง  เรื่อง  "กรรมจากการทำแท้ง"  เขียนไว้ว่า


ทำแท้ง  คือการฆ่าคน  เป็นฆาตกรฆ่าลูกในไส้ของตนเอง

ไม่ว่าผู้นั้นจะขึ้นชื่อว่าแม่หรือพ่อ  ล้วนเป็นหุ้นส่วนกรรมมหันต์นี้ด้วยกันทั้งคู่  ไม่ต้องโยนบาปให้กันและกัน  ไม่ต้องโยนผิดป้ายโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ  สุดท้ายได้รับกรรมอย่างสาสมด้วยกันทั้งคู่

บาปที่มีโทษหนักที่สุด ๕ ประการ  คือ

ฆ๋าบิดา  ฆ่ามารดา  ฆ่าพระอรหันต์  ทำให้สงฆ์แตกแยก  ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด

การทำแท้งมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์  ทั้งนี้เพราะเด็กในครรภ์ยังบริสุทธิ์  ยังไม่เคยทำบาปกรรมใด ๆ เลย  และไม่มีเหตุปัจจัยของการสร้างกรรม  ชีวิตของเขาจึงบริสุทธิ์ดั่งพระอรหันต์

ดังนั้น  การทำแท้งฆ๋าเด็กทารกในครรภ์หนึ่งคน  จึงมีบาปเท่ากับฆ่าพระอรหันต์หนึ่งรูป
การฆ่ามนุษย์นั้นว่าบาปมากแล้ว  แต่การฆ่าเด็กทารกที่บริสุทธิ์เป็นบาปหนักยิ่งกว่า

สรุปว่า  เด็กในครรภ์เป็นผู้บริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์
การฆ่าเด็กในครรภ์จึงมีบาปหนัก  เหมือนการฆ่าพระอรหันต์  เรียกว่าอนันตริยกรรม (ไม่สามารถบรรลุมรรคผลในชาตินี้ได้)
.....

จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้  ต้องการให้คนเกรงกลัวบาปกรรมที่เกิดจากการทำแท้ง

ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีมาก

แต่การกล่าวอ้างว่าเด็กในครรภ์มีความบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์

สิ่งนี้ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถึงแม้ว่าเด็กในครรภ์จะยังไม่ได้ก่อบาปกรรมใด ๆ  แต่นั่นมิใช่เพราะเด็กในครรภ์เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์แล้ว
ดังนั้น  การกล่าวว่า  การฆ่าเด็กในครรภ์หนึ่งคนมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์หนึ่งรูป  จึงไม่น่าจะถูก
.....

ถามว่า  เสียหายตรงไหนล่ะ  คนจะได้เกรงกลัวบาปกรรมจากการทำแท้งมากขึ้น  ไม่ดีหรือ

ตอบว่า  เจตนาที่จะทำให้คนเกรงกลัวบาปเป็นเจตนาที่ดี
ซึ่งพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นไปเพื่อให้คนละจากบาปและบำเพ็ญบุญกุศลอยู่แล้ว

แต่การเพิ่มเติมสิ่งที่เกินไปจากพระธรรม  อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้

เช่น  ถ้าคนเข้าใจว่า  ผู้ที่ไม่ได้ทำบาปกรรมใด ๆ เลยถือว่ามีความบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์
ความเข้าใจอย่างนี้  ท่านผู้รู้ก็จะยกเรื่องเด็กทารกมาเป็นข้อหักล้างได้
เพราะ
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่กายของตนหรือกายของผู้อื่น
แล้วจะทำกรรมชั่วทางกายได้อย่างไร  นอกจากจะมีเพียงอาการนอนดิ้นรน
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่วาจาผิดหรือวาจาชอบ
แล้วจะกล่าววาจาชั่วได้อย่างไร  นอกจากจะมีเพียงการร้องไห้
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่ความดำริผิดหรือความดำริชอบ
แล้วจะดำริชั่วได้อย่างไร  นอกจากจะมีการส่งเสียงร้อง
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่อาชีพผิดหรืออาชีพชอบ
แล้วจะเลี้ยงชีพชั่วได้อย่างไร  นอกจากการดื่มน้ำนมของมารดา
เมื่อเป็นเช่นนี้  เด็กทารกที่ยังไม่รู้เดียงสา  ก็เป็นพระอรหันต์สิ !!!
ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่

ฉะนั้น  แม้สิ่งนั้นอาจจะดูเหมือนเป็นพระธรรม  แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบ ๆ กันมา
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ (การคิดเอาเอง)
อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน
อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อถือ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านนี้เป็นครูของเรา
..... เลือกเชื่อเฉพาะสิ่งที่เป็นพระธรรม .....
..... ละทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่พระธรรม .....

คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. สัมพหุลภิกขุสูตร (ว่าด้วยภิกษุหลายรูป)
๒. เกสปุตติสูตร (ว่าด้วยกาลามะชาวเกสปุตตนิคม)



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น