"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ถูกเขาถามอย่างนี้ ตอบอย่างนี้
จะชื่อว่าพูดตรงตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้
ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำเท็จหรือ
ชื่อว่ากล่าวแก้อย่างสมเหตุสมผล
ไม่มีบ้างหรือที่คำกล่าวเช่นนั้นและคำที่กล่าวต่อ ๆ กันมาจะเป็นเหตุให้ถูกตำหนิได้
พระพุทธเจ้าข้า"
คำถามข้างต้นนี้ มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้มาถามปัญหากับพระอริยสาวกทั้งหลาย
พระอริยสาวกเหล่านั้นเมื่อตอบปัญหานั้น ๆ แล้ว ก็มักจะไปกราบทูลให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบ
พร้อมกับทูลถามว่าที่ตนตอบปัญหาไปอย่างนั้น ๆ ชื่อว่าตอบตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หรือไม่
ไม่ใช่ตอบโดยความคิดเห็นส่วนตัว แต่อ้างว่าเป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้า
.....
(ดูตัวอย่างเหตุการณ์เช่นนี้ในสัมพหุลภิกขุสูตร)
ในปัจจุบันนี้ มีการเผยแผ่ธรรมะออกตามสื่อต่าง ๆ มากมาย
บางเรื่องก็เหมือนเป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้า
แต่ที่จริงแล้ว อาจจะไม่ใช่พระธรรมทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้
.....
ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีหนังสือเล่มหนึ่ง เรื่อง "กรรมจากการทำแท้ง" เขียนไว้ว่า
ทำแท้ง คือการฆ่าคน เป็นฆาตกรฆ่าลูกในไส้ของตนเอง
ไม่ว่าผู้นั้นจะขึ้นชื่อว่าแม่หรือพ่อ ล้วนเป็นหุ้นส่วนกรรมมหันต์นี้ด้วยกันทั้งคู่ ไม่ต้องโยนบาปให้กันและกัน ไม่ต้องโยนผิดป้ายโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ สุดท้ายได้รับกรรมอย่างสาสมด้วยกันทั้งคู่
บาปที่มีโทษหนักที่สุด ๕ ประการ คือ
ฆ๋าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้สงฆ์แตกแยก ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด
การทำแท้งมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์ ทั้งนี้เพราะเด็กในครรภ์ยังบริสุทธิ์ ยังไม่เคยทำบาปกรรมใด ๆ เลย และไม่มีเหตุปัจจัยของการสร้างกรรม ชีวิตของเขาจึงบริสุทธิ์ดั่งพระอรหันต์
ดังนั้น การทำแท้งฆ๋าเด็กทารกในครรภ์หนึ่งคน จึงมีบาปเท่ากับฆ่าพระอรหันต์หนึ่งรูป
การฆ่ามนุษย์นั้นว่าบาปมากแล้ว แต่การฆ่าเด็กทารกที่บริสุทธิ์เป็นบาปหนักยิ่งกว่า
สรุปว่า เด็กในครรภ์เป็นผู้บริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์
การฆ่าเด็กในครรภ์จึงมีบาปหนัก เหมือนการฆ่าพระอรหันต์ เรียกว่าอนันตริยกรรม (ไม่สามารถบรรลุมรรคผลในชาตินี้ได้)
.....
จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ ต้องการให้คนเกรงกลัวบาปกรรมที่เกิดจากการทำแท้ง
ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีมาก
แต่การกล่าวอ้างว่าเด็กในครรภ์มีความบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์
สิ่งนี้ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถึงแม้ว่าเด็กในครรภ์จะยังไม่ได้ก่อบาปกรรมใด ๆ แต่นั่นมิใช่เพราะเด็กในครรภ์เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์แล้ว
ดังนั้น การกล่าวว่า การฆ่าเด็กในครรภ์หนึ่งคนมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์หนึ่งรูป จึงไม่น่าจะถูก
.....
ถามว่า เสียหายตรงไหนล่ะ คนจะได้เกรงกลัวบาปกรรมจากการทำแท้งมากขึ้น ไม่ดีหรือ
ตอบว่า เจตนาที่จะทำให้คนเกรงกลัวบาปเป็นเจตนาที่ดี
ซึ่งพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นไปเพื่อให้คนละจากบาปและบำเพ็ญบุญกุศลอยู่แล้ว
แต่การเพิ่มเติมสิ่งที่เกินไปจากพระธรรม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
เช่น ถ้าคนเข้าใจว่า ผู้ที่ไม่ได้ทำบาปกรรมใด ๆ เลยถือว่ามีความบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์
ความเข้าใจอย่างนี้ ท่านผู้รู้ก็จะยกเรื่องเด็กทารกมาเป็นข้อหักล้างได้
เพราะ
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่กายของตนหรือกายของผู้อื่น
แล้วจะทำกรรมชั่วทางกายได้อย่างไร นอกจากจะมีเพียงอาการนอนดิ้นรน
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่วาจาผิดหรือวาจาชอบ
แล้วจะกล่าววาจาชั่วได้อย่างไร นอกจากจะมีเพียงการร้องไห้
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่ความดำริผิดหรือความดำริชอบ
แล้วจะดำริชั่วได้อย่างไร นอกจากจะมีการส่งเสียงร้อง
- เด็กทารกยังแยกแยะไม่ออกว่านี่อาชีพผิดหรืออาชีพชอบ
แล้วจะเลี้ยงชีพชั่วได้อย่างไร นอกจากการดื่มน้ำนมของมารดา
เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กทารกที่ยังไม่รู้เดียงสา ก็เป็นพระอรหันต์สิ !!!
ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบ ๆ กันมา
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ (การคิดเอาเอง)
อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน
อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน
อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อถือ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านนี้เป็นครูของเรา
..... เลือกเชื่อเฉพาะสิ่งที่เป็นพระธรรม .....
..... ละทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่พระธรรม .....
คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. สัมพหุลภิกขุสูตร (ว่าด้วยภิกษุหลายรูป)
๒. เกสปุตติสูตร (ว่าด้วยกาลามะชาวเกสปุตตนิคม)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น