เมื่อต้องพลัดพราก


ถ้าพูดถึง "พระอานนท์"  หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง
ท่านพระอานนท์เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก  มีความรักและเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก  คอยถวายการอุปัฏฐากเป็นอย่างดี  และสามารถสละชีวิตเพื่อพระพุทธเจ้าได้ (ดังตัวอย่างเหตุการณ์ที่พระเทวทัตมอมเหล้าช้างนาฬาคิรีเพื่อให้ทำร้ายพระพุทธเจ้าในขณะเสด็จบิณฑบาต  พระอานนท์ได้ออกมายืนขวางอยู่เบื้องหน้าพระพุทธเจ้า)
กล่าวได้ว่า  ความรักที่พระอานนท์มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมากยิ่งนัก

เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน  พระอานนท์ก็เกิดความเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
       "อย่าเลย  อานนท์  เธออย่าเศร้าโศก  อย่าคร่ำครวญเลย
เราบอกไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า  'ความพลัดพราก  ความทอดทิ้ง  ความแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น  จากของรักของชอบใจทุกอย่าง  จะต้องมี'
ฉะนั้น  จะไปหวังอะไรในสิ่งเหล่านั้นเล่า
สิ่งที่เกิดขึ้น  มีขึ้น  ถูกปัจจัยปรุงแต่ง  ล้วนแตกสลายเป็นธรรมดา
ความปรารถนาว่า  'ขอสิ่งนั้นอย่าเสื่อมสลายไปเลย'  นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้
       อานนท์  เธออุปัฏฐากเรามาช้านาน
ด้วยเมตตากายกรรม  อันเกื้อกูลให้เกิดสุข  เสมอต้นเสมอปลาย  ไม่มีประมาณ
ด้วยเมตตาวจีกรรม  อันเกื้อกูลให้เกิดสุข  เสมอต้นเสมอปลาย  ไม่มีประมาณ
ด้วยเมตตามโนกรรม  อันเกื้อกูลให้เกิดสุข  เสมอต้นเสมอปลาย  ไม่มีประมาณ
อานนท์  เธอได้ทำบุญไว้แล้ว  จงประกอบความเพียรเข้าเถิด  เธอจะเป็นผู้สิ้นอาสวะกิเลสโดยเร็ว"

สังเกตไหมครับว่า  องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนพระอานนท์อย่างไร

ทรงเตือนสติให้เห็นความจริงของชีวิต  ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
"ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก  เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอในไม่ช้าก็เร็ว"
การรู้ความจริงและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น  ที่จะทำให้เราไม่เศร้าโศกได้

แน่นอนว่าทุกคนเมื่อยังไม่หมดกิเลส  ก็ย่อมมีของรักของชอบใจ  ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รัก  หรือสิ่งของที่่รักก็ตาม

แต่ของรักของชอบใจเหล่านั้นสักวันหนึ่งก็ต้องพลัดพรากจากเรา
ถ้าเราได้พิจารณาความจริงนี้อยู่เนือง ๆ จนสามารถยอมรับความจริงนี้ได้  เมื่อความพลัดพรากมาถึง  เราก็จะไม่ทุกข์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังได้ตรัสเตือนพระอานนท์ให้ทำความเพียรเพื่อความหมดกิเลส

เพราะความทุกข์ความเศร้าโศกไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย
เป้าหมายในการประพฤติธรรมของพระอานนท์ก็จะไม่บรรลุผล
การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยกับการสั่งสอนสาวกทั้งหลาย  ก็เพื่อต้องการให้สาวกเหล่านั้นพ้นจากทุกข์
พระองค์ไม่ทรงยินดีเป็นแน่ที่สาวกเศร้าโศก  และละเลยการทำความเพียรเพื่อประโยชน์ที่ควรบรรลุ


(ขอบคุณภาพจาก facebook.com/thaiminutevideos)

ฉันใดก็ดี  ในขณะนี้

แม้เราจะสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร  ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทย
แต่พระธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้  เป็นความจริงแท้  ไม่มีทางเป็นอื่น  นั่นคือ
"ความพลัดพราก  ความทอดทิ้ง  ความแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น  จากของรักของชอบใจทุกอย่าง  จะต้องมี .....
ความปรารถนาว่า  'ขอสิ่งนั้นอย่าเสื่อมสลายไปเลย'  นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้"

ถ้าเราพิจารณาในพระธรรมคำสอนนี้อยู่เนือง ๆ

เราจะรู้ว่าความเศร้าโศก  ความคร่ำครวญ  ไม่ใด้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย
แต่การเห็นความจริงของชีวิต  และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
แล้วตั้งมั่นทำความดี  สร้างกุศลผลบุญ  ละจากบาปอกุศลกรรมทั้งหลาย
เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อตัวเราเองและต่อสังคมประเทศชาติ
การทำได้เช่นนี้  น่าจะเป็นการบูชาตอบแทนพระคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ดีกว่า
(ไม่ได้บอกว่าห้ามเศร้าโศก  แต่จะบอกว่าเราควรปฏิบัติตนอย่างไร)

เมื่อพระองค์ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการไว้ว่า

"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม  เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
ฉะนั้น  แม้เราพสกนิกรทั้งหลาย
ก็ควรจะประพฤติปฏิบัติตัวให้อยู่ในศีลในธรรม  ดำรงชีวิตโดยธรรม
จึงจะสอดรับกับพระราชปณิธานของพระองค์ได้ดีที่สุด



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น