ผู้หญิงคนหนึ่งสูญเสียสามีในขณะที่เขากำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่
แพทย์ระบุว่าเกิดจากภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นปกติเฉียบพลัน
ทำให้หมดสติล้มลงหัวฟาดพื้น เสียเลือดมาก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในขณะที่เธอกำลังโศกเศร้ากับการจากไปของสามี
เพื่อนสนิทคนหนึ่งได้กล่าวปลอบเธอว่า
"อย่าเสียใจไปเลย ดีแล้วที่ไม่เกิดอะไรเลวร้ายไปกว่านี้
ลองคิดดูสิ ถ้าสามีของเธอเกิดภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นปกติ
แล้วหมดสติตอนที่ขับรถพาลูกไปโรงเรียน อะไรจะเกิดขึ้น"
จากคำพูดของเพื่อน ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้
"จริงด้วย อย่างน้อยลูกของฉันก็ยังอยู่
โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้"
ทำให้เธอคลายความเศร้าไปได้
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เธอประสบกับปัญหา
ก็มักจะเตือนตัวเองว่า
"โชคดีนะที่มันไม่เลวร้ายไปกว่านี้"
คุณเคยใช้วิธีปลอบใจตัวเองเช่นนี้บ้างไหม
.....
ในสมัยพุทธกาล ลูกสาวเศรษฐีคนหนึ่งชอบพอกับทาสที่อยู่ในเรือนของตน
จึงพากันหลบหนีไปอยู่กินด้วยกันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท
ต่อมา เธอตั้งครรภ์ จึงกลับไปคลอดที่บ้านพ่อแม่ เพราะคิดว่าจะปลอดภัยกว่า
แต่ระหว่างทางที่ต้องเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง เธอปวดท้องคลอดขึ้นมา
และในที่สุด เธอก็คลอดลูกออกมาในป่าแห่งนั้น
เมื่อไม่มีกิจที่จะต้องไปคลอดที่บ้านพ่อแม่แล้ว จึงกลับไปอยู่ที่ชนบทตามเดิม
ต่อมา เธอตั้งครรภ์ลูกคนที่ ๒ จึงเดินทางกลับไปบ้านพ่อแม่เศรษฐีอีก
ครั้งนี้เกิดฝนตกหนักผิดฤดู ฝนตกไม่หยุด ฟ้าร้องดังลั่น
สามีของเธอจึงไปตัดพุ่มไม้ใหญ่เพื่อมาทำที่หลบฝนให้ แต่กลับถูกงูกัดตาย
เธอปวดท้องใกล้คลอด ไม่สามารถหาที่หลบฝนได้
รอสามีก็ไม่กลับมาสักที
เธอต้องคลอดลูกคนที่ ๒ อย่างหนาวเย็นและยากลำบากกลางป่า
รุ่งเช้า เมื่อฝนหยุด เธอก็จูงลูกคนโตและอุ้มลูกคนที่ ๒ ออกเดินหาสามี
พบศพสามีนอนตายอยู่ เกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก
จากนั้น เธอพาลูก ๆ เดินทางต่อไป เจอแม่น้ำสายหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้า
เธอไม่สามารถพาลูกข้ามแม่น้ำไปได้พร้อมกันทั้ง ๒ คน
จึงบอกให้ลูกคนโตรออยู่ที่ฝั่งนี้
แล้วอุ้มลูกคนเล็กข้ามไปอีกฝั่ง ให้นอนบนกองใบไม้
แล้วกลับไปรับลูกคนโต
ในขณะที่อยู่กลางแม่น้ำ
เหยี่ยวตัวหนึ่งเห็นลูกคนเล็กของเธอเหมือนชิ้นเนื้อ จึงโผบินลงมาโฉบไป
เธอจึงร้องตะโกนยกมือไล่เหยี่ยว แต่ไม่ทันเสียแล้ว
ลูกคนโตเห็นแม่โบกไม้โบกมือไล่เหยี่ยวและร้องเสียงดัง คิดว่าแม่เรียกตน
จึงเดินลงไปในแม่น้ำ ทำให้ถูกกระแสน้ำพัดพาไป
เธอเสียใจมาก เดินเพ้อไปตลอดทางว่า
"ลูกคนหนึ่งถูกเหยี่ยวโฉบไป ลูกอีกคนถูกน้ำพัดไป สามีถูกงูกัดตาย"
ขณะนั้น เธอพบชายคนหนึ่งเดินมาจากในเมือง
จึงถามถึงข่าวคราวของบ้านเศรษฐีผู้เป็นพ่อแม่ของตน
ชายคนนั้นกล่าวว่า
"เมื่อคืนฝนตกหนัก ลมพัดแรงมาก ทำให้บ้านของเศรษฐีล้มพังลงมา
ทั้งเศรษฐีและภรรยา และทุกคนในบ้าน ตายกันหมด"
เมื่อฟังจบ เธอถึงกับเสียสติทันที
.....
ในวันที่เราเจอเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิต ต้องสูญเสียคนที่เรารัก
เราอาจจะสบายใจขึ้นด้วยคำปลอบใจที่ว่า
"โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้"
แต่ถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อีกล่ะ
ถ้าเราต้องสูญเสียคนรักไปอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลาไล่เลี่ยกัน
วิธีปลอบใจดังกล่าวจะทำให้เราสบายใจขึ้นได้อยู่อีกหรือ
.....
ลูกสาวเศรษฐีเมื่อเสียสติ เดินโซซัดโซเซไปตามทาง
คำปลอบใจที่ว่า "โชคดีนะที่มันไม่เลวร้ายไปกว่านี้" คงใช้กับเธอไม่ได้
เพราะเธอสูญเสียคนรักไปทั้งหมดแล้ว
มันคือเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดแล้วสำหรับเธอ
แต่ด้วยบุญญาธิการที่เธอเคยสั่งสมมาในอดีตชาติ
ทำให้เธอเดินไปจนพบพระพุทธเจ้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเตือนสติเธอว่า
"น้ำตาที่ไหลเพราะความทุกข์ในวัฏสงสารอันยาวนานนี้
มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ เสียอีก
เธอยังจะประมาทอยู่อีกหรือ"
แล้วตรัสสอนอื่น ๆ อีก จนเธอได้ขอบวช และบรรลุพระอรหันต์ในที่สุด
(อ่านเพิ่มเติมได้ในเรื่องปฏาจาราเถรีวัตถุ)
.....
การมองโลกตามความเป็นจริง ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ที่จะช่วยให้เราคลายจากความทุกข์ได้จริง
"สัตว์ทั้งหลายมีความตายเป็นธรรมดา ไม่มีใครล่วงพ้นความตายไปได้"
"เมื่อความตายมาถึง
สิ่งไร ๆ ไม่ว่าบิดามารดา สามีภรรยา บุตรธิดา ทรัพย์สินเงินทอง ก็ต้านทานไว้ไม่ได้"
"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ใครทำกรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น"
ถ้าเราสามารถเห็นจริงและทำใจให้ยอมรับได้ตามความเป็นจริงเช่นนี้
เราก็จะไม่มีความทุกข์เกิดขึ้น
และไม่จำเป็นที่จะต้องหาวิธีปลอบใจใด ๆ มาใช้อีกเลย
ฉะนั้น การศึกษาพระธรรมจนเกิดปัญญาเห็นจริงตามพระธรรมนั้น
จึงเป็นสิ่งสำคัญและมีค่ายิ่ง เพราะทำให้เราหมดทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ
..........
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น