ท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งหลาย แม้ผมเองก็เคารพนับถือเช่นกัน
ไม่นานมานี้ ผมอ่านเจอคำสอนของท่านที่ถูกแชร์ในสังคมออนไลน์ว่า
"ให้รู้สึกว่าเคราะห์นั้นทำให้เราดีขึ้น
เป็นครูของเรา เป็นผู้เตือนเรา เป็นผู้ลวงใจเรา
อย่าเห็นว่าเคราะห์กรรมเป็นของเลว ไม่น่าปรารถนา
ควรคิดว่าเป็นของดีที่ทำให้เราเข้มแข็งมั่นคงขึ้น
ให้รู้สึกเสมอว่า เราเกิดมาเรียนทั้งเคราะห์ร้ายและเคราะห์ดี"
.....
ใช่ครับ เมื่อเราประสบกับเหตุการณ์เคราะห์ร้ายต่าง ๆ
คนส่วนมากมักจะเป็นทุกข์ เดือดร้อน ไม่สบายใจ ต่าง ๆ นานา
แต่ท่านสอนให้เราเอาเคราะห์กรรมนั้นมาเป็นบทเรียน
ให้คิดว่าเคราะห์กรรมเหล่านั้นไม่ได้เป็นของเลวร้ายอะไร
แต่เป็นสิ่งที่จะมาช่วยทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น
ถือเป็นการมองโลกในแง่ดี พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ช่วยให้เรารับมือกับเหตุร้ายได้บ้าง
.....
ในพระไตรปิฎก มีพระสูตรหนึ่งบันทึกไว้ว่า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า
"ภิกษุทั้งหลาย
ธรรมเทศนาของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าโดยปริยาย มี ๒ ประการ
ธรรมเทศนา ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. ธรรมเทศนาว่า 'ท่านทั้งหลายจงเห็นบาปว่าเป็นบาป'
นี้จัดเป็นธรรมเทศนาประการที่ ๑
๒. ธรรมเทศนาว่า 'ท่านทั้งหลายครั้นเห็นบาปว่าเป็นบาปแล้ว จงเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ปลดเปลื้องตนให้พ้นจากบาปนั้น'
นี้จัดเป็นธรรมเทศนาประการที่ ๒
ภิกษุทั้งหลาย
ธรรมเทศนาของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าโดยปริยาย มี ๒ ประการนี้แล"
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในเทสนาสูตร)
การมองเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นว่าเป็นบททดสอบของชีวิต
มองว่าจะทำให้ชีวิตมีความแข็งแกร่งขึ้น
ก็สามารถทำให้เราฮึดสู้กับเหตุการณ์นั้น ๆ ได้
แต่การมองโลกในแง่ดี หรือคิดบวก เท่านั้นคงยังไม่พอ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้เห็นถึงที่มาของเหตุการณ์นั้น ๆ ว่า
"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ใครทำกรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น"
ที่เราต้องมาประสบกับเหตุการณ์ร้าย ๆ ก็เป็นเพราะเราได้เคยทำกรรมที่ไม่ดีมาก่อน
เมื่อบาปกรรมที่เราทำไว้ถึงเวลาให้ผล เราจึงประสบกับเหตุการณ์ร้ายอย่างนี้
การมองเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันโดยการมองในแง่ดี อาศัยการคิดบวก อาจจะช่วยให้สบายใจและรับมือกับเหตุร้ายนั้นได้บ้าง
แต่ถ้าเราไม่อยากประสบเหตุร้ายอีกในอนาคต เราก็จะต้องไม่ทำบาปกรรมทั้งหลายที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายเหล่านั้นอีก
เมื่อเราเห็นบาปว่าเป็นบาป ให้ผลเป็นโทษ เป็นทุกข์
เราก็ควรจะละอายและรังเกียจต่อการทำบาปนั้น เบื่อหน่ายต่อการทำบาปนั้น และเปลื้องตนจากการทำบาปเหล่านั้น
ฉะนั้น หยุดทำบาปกรรมทั้งหลาย หยุดการเบียดเบียน รักษาศีลให้ได้ทุกข้อ
เราจะได้ไม่ต้องเจอเหตุร้ายต่าง ๆ เข้ามาทดสอบชีวิตอยู่เรื่อย ๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น