เศรษฐีสอนลูก


รอยยิ้มของลูก  คือความสุขของพ่อแม่
พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากเห็นลูกมีความสุข
จึงมอบสิ่งที่คิดว่าดีให้กับลูกของตน

แต่สิ่งที่มอบให้นั้น  จะนำมาซึ่งความสุขให้กับลูกได้จริงหรือ
ตัวอย่างของเศรษฐีคนหนึ่งที่เคยเล่าไว้ในเรื่อง  "ครูคนแรกควรสอนอะไร"
เศรษฐีคนนั้นมอบความสุขให้ลูกผิดทาง  จึงกลายเป็นการทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว
.....


ยังมีเศรษฐีอีกคนหนึ่งที่อยากเห็นลูกมีความสุขเหมือนกัน
แต่วิธีการของเศรษฐีคนนี้แตกต่างจากเศรษฐีคนแรก

เนื่องจากเศรษฐีคนนี้เป็นอุบาสกผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้ทำบุญให้ทานและรักษาศีลเป็นประจำ

แต่ลูกชายของเศรษฐีกลับตรงกันข้าม
ไม่คิดที่จะไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม
ไม่คิดที่จะทำบุญให้ทาน
ไม่คิดที่จะรักษาศีล
แม้เศรษฐีผู้เป็นพ่อจะชักชวนเท่าไร  ก็ไม่ทำ

ถ้าเราเป็นเศรษฐีผู้เป็นพ่อคนนั้น  จะทำอย่างไรดี
.....


(ขอบคุณภาพจาก pixabay.com)


วันหนึ่ง  เศรษฐีคิดว่า  "ถ้าปล่อยให้ลูกเป็นอย่างนี้  ตายไปอาจจะตกนรกก็ได้
เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่  แล้วปล่อยให้ลูกเสี่ยงนรก  ไม่สมควรเลย"

จึงคิดอุบายขึ้นมาอย่างหนึ่ง  บอกกับลูกชายว่า
"ลูกเอ๋ย  ถ้าเจ้าไปวัด  รักษาอุโบสถศีล  แล้วฟังธรรม
พ่อจะให้เงินเจ้า ๑๐๐ กหาปณะ"

ลูกชายถามว่า  "ให้จริงหรือพ่อ"

เศรษฐีตอบว่า  "ให้จริง"

ลูกชายถามย้ำถึง ๓ ครั้ง  แล้วรับเงื่อนไขจากพ่อ
จากนั้น  เขาจึงไปที่วัด  แต่ไม่ได้นั่งฟังธรรมพร้อมกับคนอื่น ๆ
เขาหาที่นอนจนถึงเช้า
เมื่อได้เวลาที่คนทั้งหลายกลับ  เขาก็กลับด้วย

เศรษฐีเห็นลูกชายกลับมาแล้ว  จึงเรียกให้คนใช้นำอาหารมาให้
แต่ลูกชายกลับปฏิเสธว่า  "ถ้ายังไม่ได้ค่าจ้าง  ผมจะยังไม่กินข้าว"
เศรษฐีจึงมอบเงินให้เขาไปตามที่ตกลงไว้

ต่อมา  เศรษฐีบอกลูกชายว่า
"ลูกเอ๋ย  ถ้าลูกไปฟังธรรมจากพระศาสดา  เรียนธรรมบทหนึ่งมาบอกพ่อ
พ่อจะให้เงินเจ้าเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๐๐๐ กหาปณะ"

ลูกชายตอบตกลงทันที  แล้วรีบไปที่วัด  นั่งอยู่แถวหน้า  คิดว่า
"เราจะเรียนธรรมให้ได้บทเดียวแล้วกลับ"

แต่เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบบทหนึ่ง  เขาก็ไม่สามารถทรงจำได้
จึงคิดว่า  "เราจะเรียนธรรมบทต่อไปให้ได้"

เมื่อเขายังไม่สามารถทรงจำได้  ก็พยายามเรียนต่อไป  ต่อไป  และต่อไป

ในขณะที่เขาฟังด้วยความตั้งใจอยู่นั่นเอง  ความกระจ่างแจ้งในธรรมจึงเกิดขึ้น
เขาได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว

วันรุ่งขึ้น  เขาได้เดินออกจากวัดตามหลังพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ทั้งหลายที่ออกบิณฑบาต
เศรษฐีเห็นท่าทางของลูกชายมีความสำรวม  ก็มีใจยินดี

เมื่อเศรษฐีนำเงินมาให้ลูกชายตามข้อตกลง  ลูกชายปฏิเสธไม่รับ
แม้เศรษฐีจะคะยั้นคะยอให้รับ  เขาก็ไม่รับ

เศรษฐีจึงกราบทูลเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"เศรษฐี  โสดาปัตติผลที่ลูกของท่านบรรลุแล้วนั้น
ประเสริฐกว่าสมบัติใด ๆ ทั้งในโลกมนุษย์  ทั้งในเทวโลก  และพรหมโลก"
.....
(อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ในอนาถปิณฑิกปุตตกาลวัตถุ)


สมบัติทั้งหลายในโลกมนุษย์แม้จะมีมากเพียงใด
ก็ไม่สามารถประกันได้ว่าจะทำให้พ้นนรกได้
หรือแม้จะได้สมบัติในเทวโลก  ได้เกิดเป็นเทวดานางฟ้า
ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงนรกได้เหมือนกัน

สิ่งที่เศรษฐีให้กับลูก  คือการช่วยให้ลูกมีโอกาสได้ฟังธรรม
ทำให้ลูกเข้าใจในธรรม
ทำให้ลูกเป็นอริยบุคคล
ทำให้ปิดประตูอบาย  ไม่ต้องเสี่ยงนรกอีกต่อไป
.....


เมื่อรอยยิ้มของลูก  คือความสุขของพ่อแม่
พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีความสุข
จึงจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนให้ลูกมีโอกาสได้ศึกษาพระธรรม
เพราะมีเพียงพระธรรมเท่านั้น  ที่จะนำความสุขมาให้อย่างแท้จริง

เราควรใช้อุบายสอนลูกอย่างเศรษฐีคนนี้
หรืออุบายอื่น ๆ ที่ช่วยให้ลูกสนใจพระธรรม
จะดีไหม
..........


คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. อนาถปิณฑิกปุตตกาลวัตถุ (เรื่องนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี)


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น