ตัวช่วยของคนมีศีล


นสมัยหนึ่ง  มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอาศัยอยู่ที่บรรณศาลานอกหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ชาวนาคนหนึ่งมีที่นาอยู่ระหว่างบรรณศาลากับหมู่บ้านแห่งนั้น

ชาวบ้านทั้งหลายเมื่อจะไปบำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า  ก็ต้องผ่านที่นาแปลงนั้น
พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อจะไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน  ก็ต้องผ่านที่นาแปลงนั้น

เมื่อคนทั้งหลายเดินผ่านที่นาแปลงนั้นบ่อยครั้ง  นาของชาวนาก็ได้รับความเสียหาย
เขาคิดว่า  "ถ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่อยู่  ชาวบ้านก็คงจะไม่เดินย่ำบนที่นาของเรา"

วันหนึ่ง  เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน
ชาวนาคนนั้นจึงเข้าไปยังบรรณศาลาแห่งนั้น
ทุบทำลายข้าวของในนั้นจนแตก  แล้วจุดไฟเผาบรรณศาลา

พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อบิณฑบาตกลับมาเห็นบรรณศาลาถูกไฟไหม้
ก็ไม่ได้มีความเดือดร้อนใจแม้สักนิด
ได้เดินทางไปที่แห่งอื่นโดยไม่อาลัย

ชาวบ้านทั้งหลายเมื่อจะมาฟังธรรมในเวลาเย็น
เห็นบรรณศาลาถูกไฟไหม้  พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ไม่อยู่แล้ว
เมื่อสืบสวนจนรู้ว่าชาวนาคนนั้นเป็นคนเผาบรรณศาลา
จึงรุมประชาทัณฑ์ชาวนาคนนั้นจนถึงแก่ความตาย

หลังจากตายแล้ว  เขาได้ไปเกิดเป็นเปรต
มีหัวเป็นคน  มีตัวเป็นงู  และมีไฟลุกไหม้อยู่ตั้งแต่หัวจนถึงหาง
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในอหิเปตวัตถุ)


(ขอบคุณภาพจาก pexels.com : Photo by Spencer Selover)


องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ตอนหนึ่ง  ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า
"ขนฺตี  ปรมํ  ตโป  ตีติกฺขา"
"ขันติ (คือความอดทน) เป็นตบะ (เครื่องเผาบาป) อย่างยิ่ง"

ถ้าเราไม่รู้จักอดทนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต
เราก็อาจจะพลาดพลั้งทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลได้โดยง่าย
.....

บางคนมีฐานะยากจน  ถูกความอดอยากบีบคั้น  ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ
ถ้าไม่อดทนต่อความลำบาก  ก็อาจจะหันไปประกอบมิจฉาชีพได้

บางคนถูกขับรถปาดหน้ากะทันหัน  ต้องเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม
ถ้าไม่อดทนต่อความโกรธ  ก็อาจจะขับรถตามไปเอาคืน

บางคนชอบกินอาหารทะเล  คิดว่าต้องกินสด ๆ จึงจะอร่อย
ถ้าไม่อดทนต่อความอยาก  ก็อาจจะหากุ้งหอยปูปลาที่สด ๆ เป็น ๆ มาเผามาย่างกิน

บางคนถูกแย่งคนรัก  แฟนบอกเลิก
ถ้าไม่อดทนต่อความเศร้า  ก็อาจจะกินเหล้าจนเมาขาดสติ  แล้วก่อเรื่องที่ไม่ดีตามมา

บางคนถูกเอารัดเอาเปรียบ  ถูกทำร้ายร่างกาย
ถ้าไม่อดทนต่อความเจ็บปวด  ก็อาจจะโต้ตอบทำร้ายร่างกายคืน

ชาวนาคนนั้นเมื่อไม่สามารถอดทนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ไม่สามารถควบคุมสติเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในทางที่ถูก
จึงพลาดพลั้งทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลลงไป
และเป็นเหตุให้ต้องรับผลของกรรม  ไปเกิดเป็นเปรตอีกยาวนาน
.....

ปัญหาที่เกิดขึ้น  ไม่ใช่ให้งอมืองอเท้ายอมจำนน
เพียงแต่ต้องมีความอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ให้อารมณ์ชั่ววูบชักนำไปในทางที่ไม่ดี

ในเบื้องต้น  ถ้าเราสามารถอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เราก็จะคิดหาวิธีที่จะรับมือกับสิ่งนั้นได้อย่างถูกต้องตามมา

เราจะไม่ไปประกอบมิจฉาชีพ
เราจะไม่ขับรถตามไปปาดหน้ารถคันนั้น
เราจะไม่ฆ่าสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่
เราจะไม่กินเหล้าเมายา
เราจะไม่ทำร้ายร่างกายคนอื่น

เราจะไม่อ้างว่า  "เพราะเขาทำเราก่อน  เขาทำให้เราเดือดร้อน"
เราจะไม่มีเหตุผลใด ๆ มาอ้างเพื่อให้เราทำผิดศีลได้
.....

ปัญหาทุกปัญหามีทางออก
และทางออกที่ไม่ผิดศีล  ก็มีอยู่

ขันติหรือความอดทน  จึงเป็นตัวช่วยสำคัญอย่างหนึ่ง  ที่จะช่วยเผาบาปอกุศลในใจ
ทำให้เราไม่ต้องทำผิดศีล

เมื่อเราไม่ทำผิดศีล  ก็จะไม่มีโทษภัยใด ๆ ตามมาในภายหลัง
ภัยจากการติเตียนตนเองว่าทำผิดศีล  ก็ไม่มี
ภัยจากผู้อื่นติเตียนว่าเราทำผิดศีล  ก็ไม่มี
ภัยจากการถูกกฎหมายลงโทษ  ก็ไม่มี
เมื่อตายไป  ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปทุคติ

วันนี้  เรามีความอดทนต่อการไม่ทำผิดศีลมากน้อยแค่ไหน
..........


คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. อหิเปตวัตถุ (เรื่องเปรตผู้มีรูปร่างเหมือนงู)


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น