ในสมัยหนึ่ง มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอาศัยอยู่ที่บรรณศาลานอกหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ชาวนาคนหนึ่งมีที่นาอยู่ระหว่างบรรณศาลากับหมู่บ้านแห่งนั้น
ชาวบ้านทั้งหลายเมื่อจะไปบำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ต้องผ่านที่นาแปลงนั้น
พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อจะไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ก็ต้องผ่านที่นาแปลงนั้น
เมื่อคนทั้งหลายเดินผ่านที่นาแปลงนั้นบ่อยครั้ง นาของชาวนาก็ได้รับความเสียหาย
เขาคิดว่า "ถ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่อยู่ ชาวบ้านก็คงจะไม่เดินย่ำบนที่นาของเรา"
วันหนึ่ง เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน
ชาวนาคนนั้นจึงเข้าไปยังบรรณศาลาแห่งนั้น
ทุบทำลายข้าวของในนั้นจนแตก แล้วจุดไฟเผาบรรณศาลา
พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อบิณฑบาตกลับมาเห็นบรรณศาลาถูกไฟไหม้
ก็ไม่ได้มีความเดือดร้อนใจแม้สักนิด
ได้เดินทางไปที่แห่งอื่นโดยไม่อาลัย
ชาวบ้านทั้งหลายเมื่อจะมาฟังธรรมในเวลาเย็น
เห็นบรรณศาลาถูกไฟไหม้ พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ไม่อยู่แล้ว
เมื่อสืบสวนจนรู้ว่าชาวนาคนนั้นเป็นคนเผาบรรณศาลา
จึงรุมประชาทัณฑ์ชาวนาคนนั้นจนถึงแก่ความตาย
หลังจากตายแล้ว เขาได้ไปเกิดเป็นเปรต
มีหัวเป็นคน มีตัวเป็นงู และมีไฟลุกไหม้อยู่ตั้งแต่หัวจนถึงหาง
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในอหิเปตวัตถุ)
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ตอนหนึ่ง ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า
"ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา"
"ขันติ (คือความอดทน) เป็นตบะ (เครื่องเผาบาป) อย่างยิ่ง"
ถ้าเราไม่รู้จักอดทนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต
เราก็อาจจะพลาดพลั้งทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลได้โดยง่าย
.....
บางคนมีฐานะยากจน ถูกความอดอยากบีบคั้น ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ
ถ้าไม่อดทนต่อความลำบาก ก็อาจจะหันไปประกอบมิจฉาชีพได้
บางคนถูกขับรถปาดหน้ากะทันหัน ต้องเหยียบเบรคจนหัวทิ่ม
ถ้าไม่อดทนต่อความโกรธ ก็อาจจะขับรถตามไปเอาคืน
บางคนชอบกินอาหารทะเล คิดว่าต้องกินสด ๆ จึงจะอร่อย
ถ้าไม่อดทนต่อความอยาก ก็อาจจะหากุ้งหอยปูปลาที่สด ๆ เป็น ๆ มาเผามาย่างกิน
บางคนถูกแย่งคนรัก แฟนบอกเลิก
ถ้าไม่อดทนต่อความเศร้า ก็อาจจะกินเหล้าจนเมาขาดสติ แล้วก่อเรื่องที่ไม่ดีตามมา
บางคนถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกทำร้ายร่างกาย
ถ้าไม่อดทนต่อความเจ็บปวด ก็อาจจะโต้ตอบทำร้ายร่างกายคืน
ชาวนาคนนั้นเมื่อไม่สามารถอดทนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ไม่สามารถควบคุมสติเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในทางที่ถูก
จึงพลาดพลั้งทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลลงไป
และเป็นเหตุให้ต้องรับผลของกรรม ไปเกิดเป็นเปรตอีกยาวนาน
.....
ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ให้งอมืองอเท้ายอมจำนน
เพียงแต่ต้องมีความอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ให้อารมณ์ชั่ววูบชักนำไปในทางที่ไม่ดี
ในเบื้องต้น ถ้าเราสามารถอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เราก็จะคิดหาวิธีที่จะรับมือกับสิ่งนั้นได้อย่างถูกต้องตามมา
เราจะไม่ไปประกอบมิจฉาชีพ
เราจะไม่ขับรถตามไปปาดหน้ารถคันนั้น
เราจะไม่ฆ่าสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่
เราจะไม่กินเหล้าเมายา
เราจะไม่ทำร้ายร่างกายคนอื่น
เราจะไม่อ้างว่า "เพราะเขาทำเราก่อน เขาทำให้เราเดือดร้อน"
เราจะไม่มีเหตุผลใด ๆ มาอ้างเพื่อให้เราทำผิดศีลได้
.....
ปัญหาทุกปัญหามีทางออก
และทางออกที่ไม่ผิดศีล ก็มีอยู่
ขันติหรือความอดทน จึงเป็นตัวช่วยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยเผาบาปอกุศลในใจ
ทำให้เราไม่ต้องทำผิดศีล
เมื่อเราไม่ทำผิดศีล ก็จะไม่มีโทษภัยใด ๆ ตามมาในภายหลัง
ภัยจากการติเตียนตนเองว่าทำผิดศีล ก็ไม่มี
ภัยจากผู้อื่นติเตียนว่าเราทำผิดศีล ก็ไม่มี
ภัยจากการถูกกฎหมายลงโทษ ก็ไม่มี
เมื่อตายไป ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปทุคติ
วันนี้ เรามีความอดทนต่อการไม่ทำผิดศีลมากน้อยแค่ไหน
..........
คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. อหิเปตวัตถุ (เรื่องเปรตผู้มีรูปร่างเหมือนงู)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น