ทำไมต้องหาคนผิด


นสมัยพุทธกาล  มีภิกษุกลุ่มหนึ่งจำนวน ๗ รูปเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
ระหว่างทาง  ได้ขอเข้าพักค้างแรมที่วัดแห่งหนึ่ง
เจ้าอาวาสได้จัดสถานที่ในถ้ำให้พักอาศัย

ตกกลางคืน  หินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งได้กลิ้งลงมาปิดประตูถ้ำนั้น
เจ้าอาวาสได้ให้ชาวบ้านมาช่วยกันผลักหินก้อนนั้น
แต่แม้จะเกณฑ์ชาวบ้านมาถึง ๗ หมู่บ้าน  ก็ไม่สามารถทำให้หินนั้นเคลื่อนออกไปได้

ภิกษุทั้ง ๗ รูปติดอยู่ในถ้ำนั้นนานถึง ๗ วันโดยไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย  ต้องทรมานเพราะความหิวเป็นอันมาก

ในวันที่ ๗  หินก้อนนั้นก็ได้เคลื่อนออกไปเองราวปาฏิหาริย์

เมื่อภิกษุทั้ง ๗ รูปออกจากถ้ำได้แล้ว  จึงเดินทางต่อเพื่อไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
แล้วได้กราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
.....

พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากกรรมที่ภิกษุเหล่านั้นทำไว้เอง

ในอดีตชาติ  ภิกษุเหล่านั้นเกิดเป็นเด็กในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  ทั้งหมดเป็นเพื่อนกัน
วันหนึ่ง  เด็กเหล่านั้นเจอเหี้ยตัวหนึ่ง  จึงช่วยกันไล่จับ
แต่เหี้ยตัวนั้นวิ่งหนีเข้าไปในจอมปลวกซึ่งมีรูอยู่ ๗ รู
เด็กเหล่านั้นจึงหาใบไม้  กิ่งไม้  ไปอุดรูนั้นไว้ทั้งหมด
แล้วคิดว่าวันพรุ่งนี้จะมาจับเหี้ยตัวนั้นใหม่

แต่วันรุ่งขึ้น  เด็กเหล่านั้นพากันลืมนึกถึงเหี้ยตัวนั้น

ผ่านไป ๗ วัน
เด็กเหล่านั้นเดินไปเห็นจอมปลวก  ก็นึกถึงเหี้ยตัวนั้นได้  จึงรีบเปิดช่องรูเหล่านั้น

เหี้ยตัวนั้นอดอาหารอยู่ในนั้นนาน ๗ วัน  ซูบผอม  ตัวสั่น  ได้คลานออกมาอย่างน่าเวทนา
เด็กเหล่านั้นเห็นแล้วจึงปล่อยเหี้ยตัวนั้นให้เป็นอิสระ
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในการเบียดเบียนนำทุกข์มาให้  (ตอนที่ ๓))

นี่คืออกุศลกรรมที่เด็ก ๗ คนนั้นทำไว้
ในชาตินี้  จึงต้องมาติดอยู่ในถ้ำและอดอาหารนาน ๗ วัน



(ขอบคุณภาพจาก www.tourismthailand.org)


ปลายเดือนที่แล้ว
มีข่าวของเด็กกลุ่มหนึ่งเข้าไปในถ้ำแล้วออกไม่ได้  เพราะเกิดฝนตกหนัก  ทำให้น้ำไหลเข้าไปท่วมปิดทางออก
สถานการณ์คล้ายคลึงกันกับภิกษุ ๗ รูปที่ถูกหินปิดปากถ้ำ

ณ วันนี้ (๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑)  แม้ทีมค้นหาจะพบเด็กกลุ่มนี้แล้ว
แต่ยังไม่สามารถช่วยออกมาจากถ้ำได้ทันที
ยังต้องมีขั้นตอนในการเคลื่อนย้ายและเยียวยารักษาอีก

อย่างไรก็ตาม  ก็เริ่มมีคนพูดถึงเรื่องนี้ว่าเป็นความผิดของใคร
บ้างก็ว่าเป็นความผิดของเด็ก  เพราะเด็กซน  เข้าไปเล่นในถ้ำเอง
บ้างก็ว่าเป็นความผิดของผู้ใหญ่ที่ไปกับเด็ก  เพราะผู้ใหญ่ไม่ห้าม  แต่กลับเข้าไปในถ้ำกับเด็กด้วย
โทษคนนั้น  โทษคนนี้

แต่เราจะได้ประโยชน์อะไร  จากการรู้ว่าใครผิด
.....

เหตุการณ์ที่ภิกษุ ๗ รูปติดอยู่ในถ้ำ
พระพุทธเจ้าก็มิได้ตรัสว่าเป็นความผิดของภิกษุทั้ง ๗ รูป
และมิได้ตรัสว่าเป็นความผิดของภิกษุเจ้าอาวาส
เพราะไม่มีประโยชน์อะไร

แต่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าถึงอกุศลกรรมที่ภิกษุเหล่านั้นเคยทำมาในอดีต
เป็นเหตุให้ต้องมารับผลกรรมในชาตินี้
การรู้อย่างนี้  เป็นประโยชน์มากกว่า
เพราะจะทำให้เรากลัวที่จะทำบาปอกุศลกรรมใหม่

สำหรับเหตุการณ์ของเด็กติดถ้ำ
แม้เราจะระลึกชาติไม่ได้  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอกุศลกรรมอะไรที่เด็กกลุ่มนี้เคยทำมาก่อน
แต่เรารู้ว่า  "ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุ"
"สิ่งที่ดี  เกิดจากเหตุที่ดี
สิ่งที่ไม่ดี  เกิดจากเหตุที่ไม่ดี"
รู้และตระหนักในข้อนี้  ก็น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการเที่ยวหาคนผิด
.....

อย่ามัวเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์  เที่ยวโทษคนนั้น  โทษคนนี้

ใช้เวลาในการทำความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิ
ตระหนักในเรื่องกรรมและผลของกรรมให้ดี
เพื่อให้เราละเว้นจากอกุศลกรรมทั้งปวงให้ได้
จะมีประโยชน์ต่อตัวเราเองมากกว่า
..........


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น