ตัวช่วยแก้เหตุร้าย


ใครเคยสวดพระคาถาบทนี้บ้าง  ชื่อพระคาถาว่า  อภยปริตร
บทสวดมีดังนี้

ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ
โย  จามะนาโป  สะกุณัสสะ  สัทโท
ปาปัคคะโห  ทุสสุปินัง  อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุ ฯ

ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ
โย  จามะนาโป  สะกุณัสสะ  สัทโท
ปาปัคคะโห  ทุสสุปินัง  อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุ ฯ

ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ
โย  จามะนาโป  สะกุณัสสะ  สัทโท
ปาปัคคะโห  ทุสสุปินัง  อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุ ฯ

คำแปลของพระคาถาบทนี้  มีอยู่ว่า
ลางร้ายใด ๆ  อัปมงคลใด ๆ  เสียงนกที่น่าสะพรึงกลัวใด ๆ  เคราะห์ร้ายและฝันร้ายที่ไม่น่าปรารถนาใด ๆ
ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า  อานุภาพของพระธรรม  อานุภาพของพระสงฆ์  ขอความเลวร้ายทั้งปวงเหล่านั้นจงพินาศไปสิ้น
.....



(ขอบคุณภาพจากแฟ้มภาพ www.thairath.co.th)


ครั้งหนึ่ง  มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า

"มีพราหมณ์พวกหนึ่งกล่าวอ้างว่าสามารถทำคนที่ตายแล้วให้ไปสวรรค์ได้"

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
"บุรุษใดก็ตามที่ประพฤติทุจริตทางกาย  วาจา  ใจ
แม้จะมีคนมาสวดสรรเสริญ  ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า  'ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้วจงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เถิด'
ถึงกระนั้นก็ตาม  อกุศลกรรมที่เขาทำไว้นั้นก็จะเป็นเหตุให้เขาไปเกิดในอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรก

ในทางกลับกัน
บุรุษใดก็ตามที่ประพฤติสุจริตทางกาย  วาจา  ใจ
แม้จะมีคนมาสวดสาปแช่ง  ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า  'ขอบุรุษนี้หลังจากตายแล้วจงไปเกิดในอบาย  ทุคติ  วินิบาต  นรกเถิด'
ถึงกระนั้นก็ตาม  กุศลกรรมที่เขาทำไว้นั้นก็จะเป็นเหตุให้เขาไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในอสิพันธกปุตตสูตร)


ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า ...
ที่เราคิดว่าพระพุทธเจ้าสามารถปัดเป่าภัยอันตรายให้หายไปได้
แต่แม้พระพุทธเจ้าเองก็ยังต้องรับผลของกรรมที่พระองค์เคยกระทำไว้ในอดีตชาติ
ซึ่งเป็นเหตุให้ถูกกล่าวตู่ว่าทำนางจิญจมาณวิกาท้อง
ถูกพระเทวทัตกลิ้งก้อนหินใหญ่เพื่อให้หล่นมาทับ
และถูกกระทำเหตุร้ายอื่น ๆ อีกมาก
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในผลกรรมที่พระพุทธเจ้าได้รับ)


ด้วยอานุภาพของพระธรรม ...
ที่เราคิดว่าการจำธรรมได้มาก  จำปาติโมกข์ได้ทั้งหมด  สวดมนต์ได้หลายบท  จะช่วยปัดเป่าภัยอันตรายให้หายไปได้
พระโปฐิละผู้เป็นธรรมกถึก  รู้ธรรมมาก  เป็นครูสอนธรรมให้แก่คณะต่าง ๆ ถึง ๑๘ คณะ
แต่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่าเป็นใบลานเปล่า  คัมภีร์เปล่า  เพราะไม่ได้รับผลใด ๆ จากการปฏิบัติ
เกือบจะต้องไปอบาย
โชคดีที่สำนึกตัว  รับฟังคำชี้แนะจากสามเณรจนบรรลุธรรมได้
.....


ด้วยอานุภาพของพระสงฆ์ ...
ที่เราคิดว่าพระสงฆ์จะสามารถปัดเป่าภัยอันตรายของเราให้หายไปได้
แต่แม้พระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า
มารดาของท่านเป็นมิจฉาทิฏฐิ  ไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา  เสี่ยงที่จะไปอบาย
พระสารีบุตรก็ไม่สามารถดลบันดาลฤทธิ์ช่วยมารดาได้
แต่พระสารีบุตรออกอุบายให้มารดาได้มีโอกาสฟังธรรม  จนเกิดดวงตาเห็นธรรม  และพ้นอบายได้
.....


สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน  เป็นผู้รับผลของกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด  มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์  มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ใครทำกรรมใดไว้  จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม  ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

พระโปฐิละก็ต้องทำกรรมอันดี  เพื่อเป็นที่พึ่งอาศัยของตน
มารดาของพระสารีบุตรก็ต้องทำกรรมอันดี  เพื่อเป็นที่พึ่งอาศัยของตน
ไม่มีใครทำแทนให้ใครได้
พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  ก็ทำแทนให้เราไม่ได้
.....

พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  ไม่ได้มีอานุภาพที่จะช่วยดลบันดาลให้ใครรอดพ้นจากภัยอันตรายต่าง ๆ ตามผลของกรรมที่เคยทำมาได้
การขอให้พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  ช่วยปัดเป่าภัยอันตรายให้พ้นไป  ย่อมเป็นไปไม่ได้

อานุภาพของพระพุทธเจ้า  เกิดจากการตรัสรู้และเผยแผ่พระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้แล้วเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก

อานุภาพของพระธรรม  เกิดจากการศึกษา (ทั้งปริยัติและปฏิบัติ) อย่างจริงจัง  จนเกิดประโยชน์สุขแก่ผู้ที่ศึกษานั้น

อานุภาพของพระสงฆ์  เกิดจากการปฏิบัติตรงตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า  และบอกกล่าวแก่สัตว์โลกที่ต้องการรู้ธรรมเห็นธรรมตาม

อานุภาพทั้ง ๓ นี้จะให้ผลเกิดขึ้นเป็นประโยชน์แก่เรา
ก็ต่อเมื่อเราปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
โดยมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบคอยชี้แนะ
ให้เราตั้งมั่นที่จะประพฤติสุจริต  ละเว้นขาดจากการประพฤติทุจริตทั้งปวง
เมื่อกระทำแต่กรรมดี  ไม่ทำกรรมชั่ว  เหตุร้ายต่าง ๆ  เรื่องอัปมงคล  หรือเรื่องที่น่าสะพรึงกลัว  ก็จะไม่เกิดขึ้นกับเรา
นี่แลคือการปัดเป่าภัยอันตรายได้อย่างแท้จริง

อย่าหวังพึ่งตัวช่วยใด ๆ  โดยไม่ทำที่พึ่งอันดีของตนเอง  ด้วยตนเอง
ตัวช่วยแก้เหตุร้ายที่ดีที่สุด  คือตัวเราเองที่มีธรรม

ตนแล (ที่มีธรรม) เป็นที่พึ่งแห่งตน
..........


คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. อสิพันธกปุตตสูตร (ว่าด้วยผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตร)


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น