การแสดงความกตัญญูกตเวที ตอบแทนพระคุณของบุพการี เป็นสิ่งที่พึงกระทำของบัณฑิตหรือสัตบุรุษทั้งหลาย
(พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้ความหมายไว้ว่า
บัณฑิต หมายถึง ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์, ผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา
สัตบุรุษ หมายถึง คนสงบ, คนดี, คนมีศีลธรรม, คนที่ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม)
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ (ในทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สิงคาลกสูตร) ว่า
"บุตรพึงบำรุงมารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า โดยหน้าที่ ๕ ประการ คือ
๑. ท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ
๒. จักทำกิจของท่าน
๓. จักดำรงวงศ์ตระกูล
๔. จักประพฤติตนให้เหมาะสมที่จะเป็นทายาท
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน"
นี่คือหน้าที่ของลูกที่ดีที่พึงกระทำตอบพ่อแม่
ลูกที่ทำได้อย่างนี้ ย่อมเป็นที่รักและไว้วางใจของพ่อแม่
และเป็นที่สรรเสริญของคนดีทั้งหลายด้วย
แต่ถึงกระนั้น การตอบแทนพระคุณของพ่อแม่โดยสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย
ถึงแม้เราจะประคบประหงมดูแลท่านอย่างดี หาเงินหาทองให้ท่านใช้ หาอาหารอย่างดีให้ท่านกิน หาบ้านสวยหรูให้ท่านอยู่ หาเสื้อผ้าเครื่องประดับให้ท่านแต่ง หายาดีหมอดีมารักษาท่านในยามเจ็บป่วย พาท่านไปเที่ยวพักผ่อนในที่ต่าง ๆ ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่า ให้ท่านมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย .....
ทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่สามารถกล่าวได้ว่าตอบแทนพระคุณของท่านโดยสมบูรณ์
แต่ ..... การที่ลูกคนใดก็ตาม
๑. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ให้ท่านเป็นคนที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้
๒. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีล รักษาศีลได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ให้ท่านเป็นคนที่รักษาศีลได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ยอมละเมิดศีล
๓. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนตระหนี่
ให้ท่านเป็นคนที่รู้จักเสียสละ รู้จักให้ทาน ยินดีในการให้ทานได้
๔. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนไม่มีปัญญาในธรรม
ให้ท่านเป็นคนที่มีปัญญาในธรรม เห็นโลกตามความเป็นจริงได้ตามพระธรรมของพระพุทธเจ้า
ลูกที่สามารถกระทำได้เช่นนี้ จึงจะกล่าวได้ว่าตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้โดยสมบูรณ์
เพราะผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ย่อมทราบดีว่าไม่มีทรัพย์สมบัติใดในโลกที่เราสามารถนำติดตัวไปในชาติหน้าได้ จะมีก็เพียงแต่ผลบุญและผลบาปที่เราได้กระทำไว้เอง เราจึงไม่ควรที่จะแสวงหาความสุขในชาตินี้เพียงอย่างเดียว แต่ควรทำเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดความสุขในชาติต่อๆไปด้วย
อริยทรัพย์เหล่านี้คือ ศรัทธา ศีล จาคะ (การเสียสละ, การให้ทาน) ปัญญา นอกจากจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่พ่อแม่ในชาตินี้แล้ว ยังเป็นบุญกุศลที่จะติดตามตัวของพ่อแม่ไปในชาติต่อๆไปได้อีกด้วย
ฉะนั้น แม้ว่าเราจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ด้วยการทำให้ท่านมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบายในชาตินี้แล้ว
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ที่เราไม่ควรมองข้าม คือการตอบแทนด้วยการช่วยให้ท่านมีอริยทรัพย์ทั้ง ๔ (ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา) นี้ เพื่อเป็นเสบียงให้ท่านสำหรับในภพชาติต่อๆไป
(พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้ความหมายไว้ว่า
บัณฑิต หมายถึง ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์, ผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา
สัตบุรุษ หมายถึง คนสงบ, คนดี, คนมีศีลธรรม, คนที่ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม)
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ (ในทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สิงคาลกสูตร) ว่า
"บุตรพึงบำรุงมารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า โดยหน้าที่ ๕ ประการ คือ
๑. ท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ
๒. จักทำกิจของท่าน
๓. จักดำรงวงศ์ตระกูล
๔. จักประพฤติตนให้เหมาะสมที่จะเป็นทายาท
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน"
นี่คือหน้าที่ของลูกที่ดีที่พึงกระทำตอบพ่อแม่
ลูกที่ทำได้อย่างนี้ ย่อมเป็นที่รักและไว้วางใจของพ่อแม่
และเป็นที่สรรเสริญของคนดีทั้งหลายด้วย
แต่ถึงกระนั้น การตอบแทนพระคุณของพ่อแม่โดยสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย
ถึงแม้เราจะประคบประหงมดูแลท่านอย่างดี หาเงินหาทองให้ท่านใช้ หาอาหารอย่างดีให้ท่านกิน หาบ้านสวยหรูให้ท่านอยู่ หาเสื้อผ้าเครื่องประดับให้ท่านแต่ง หายาดีหมอดีมารักษาท่านในยามเจ็บป่วย พาท่านไปเที่ยวพักผ่อนในที่ต่าง ๆ ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่า ให้ท่านมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย .....
ทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่สามารถกล่าวได้ว่าตอบแทนพระคุณของท่านโดยสมบูรณ์
แต่ ..... การที่ลูกคนใดก็ตาม
๑. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ให้ท่านเป็นคนที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้
๒. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีล รักษาศีลได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ให้ท่านเป็นคนที่รักษาศีลได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ยอมละเมิดศีล
๓. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนตระหนี่
ให้ท่านเป็นคนที่รู้จักเสียสละ รู้จักให้ทาน ยินดีในการให้ทานได้
๔. สามารถกระทำให้พ่อแม่จากเดิมที่เป็นคนไม่มีปัญญาในธรรม
ให้ท่านเป็นคนที่มีปัญญาในธรรม เห็นโลกตามความเป็นจริงได้ตามพระธรรมของพระพุทธเจ้า
ลูกที่สามารถกระทำได้เช่นนี้ จึงจะกล่าวได้ว่าตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้โดยสมบูรณ์
เพราะผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ย่อมทราบดีว่าไม่มีทรัพย์สมบัติใดในโลกที่เราสามารถนำติดตัวไปในชาติหน้าได้ จะมีก็เพียงแต่ผลบุญและผลบาปที่เราได้กระทำไว้เอง เราจึงไม่ควรที่จะแสวงหาความสุขในชาตินี้เพียงอย่างเดียว แต่ควรทำเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดความสุขในชาติต่อๆไปด้วย
อริยทรัพย์เหล่านี้คือ ศรัทธา ศีล จาคะ (การเสียสละ, การให้ทาน) ปัญญา นอกจากจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่พ่อแม่ในชาตินี้แล้ว ยังเป็นบุญกุศลที่จะติดตามตัวของพ่อแม่ไปในชาติต่อๆไปได้อีกด้วย
ฉะนั้น แม้ว่าเราจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ด้วยการทำให้ท่านมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบายในชาตินี้แล้ว
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ที่เราไม่ควรมองข้าม คือการตอบแทนด้วยการช่วยให้ท่านมีอริยทรัพย์ทั้ง ๔ (ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา) นี้ เพื่อเป็นเสบียงให้ท่านสำหรับในภพชาติต่อๆไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น