พระสารีบุตรสอนพราหมณ์


พราหมณ์คนหนึ่งได้รับแต่งตั้งจากพระราชา
ให้ทำหน้าที่เก็บส่วยข้าวกล้าจากประชาชนเข้าคลังหลวง
โดยที่พระราชาทรงกำชับว่าให้เก็บเท่าที่จำเป็น  ไม่ให้ราษฎรเดือดร้อน

แต่เขาไปเก็บเอาข้าวกล้ามาเกือบหมด
โดยอ้างกับราษฎรว่า  "ข้าวกล้าในคลังหลวงมีน้อย 
พระราชาทรงสั่งให้เรามาเก็บไปอย่างนี้
พวกท่านอย่าได้คร่ำครวญไปเลย"

แล้วไปกราบทูลพระราชาว่า  "ฤดูกาลนี้  ชาวบ้านได้ผลผลิตน้อย
ข้าพระองค์ไม่อาจเบียดเบียนพวกเขาได้
จึงเก็บมาไม่มาก  พระเจ้าข้า"

เขาอาศัยการ  "ฉ้อราษฎร์"  และ  "บังหลวง"  เช่นนี้
เอาข้าวเข้าบ้านตนเองเป็นอันมาก  แล้วส่งเข้าคลังหลวงเพียงเล็กน้อย
.....


พราหมณ์ให้เหตุผลว่า  เขาจำเป็นต้องทำอย่างนี้
เพราะเขาต้องเลี้ยงพ่อแม่
ต้องเลี้ยงลูกเมีย
ต้องเลี้ยงข้าทาสบริวาร
ต้องเลี้ยงเพื่อนฝูงมิตรสหาย
ต้องเลี้ยงญาติพี่น้อง
ต้องต้อนรับแขกที่มาหา
ต้องทำบุญอุทิศให้บรรพบุรุษ
ต้องเซ่นสรวงเทวดา
ต้องส่งเงินภาษีให้รัฐ
ต้องเลี้ยงดูตนเอง
.....





พระสารีบุตรได้ถามพราหมณ์คนนั้นว่า
"ใครที่ประพฤติอธรรม  ละเมิดศีล ๕  หรือทำอกุศลกรรมบถ ๑๐
ไม่ว่าจะทำเพื่อเลี้ยงพ่อแม่  เลี้ยงลูกเมีย  เลี้ยงบริวาร  หรืออื่น ๆ ก็ตาม

(อกุศลกรรมบถ ๑๐  ได้แก่
ทางกาย  :  ฆ่าสัตว์  ลักทรัพย์  ประพฤติผิดในกาม
ทางวาจา  :  พูดเท็จ  พูดส่อเสียด  พูดคำหยาบ  พูดเพ้อเจ้อ
ทางใจ  :  เพ่งเล็งอยากได้ของคนอื่น  พยาบาท  มีความเห็นผิด)

ถ้านายนิรยบาล (ผู้ลงโทษสัตว์นรก) ฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก
เพราะการประพฤติอธรรมของเขา

เขาจะร้องขอได้ไหมว่า
'ข้าพเจ้าประพฤติอธรรมเพื่อบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น
ข้าพเจ้าทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น
ขอท่านอย่าฉุดคร่าข้าพเจ้าไปยังนรกเลย'

หรือบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดจะอ้อนวอนได้ไหมว่า
'ชายคนนี้ประพฤติอธรรมเพื่อประโยชน์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอท่านอย่าฉุดคร่าเขาไปยังนรกเลย'

เขาจะได้รับการยกเว้นเพราะคำร้องขอนั้นได้หรือไม่"

พราหมณ์ตอบว่า
"ไม่ได้  ชายคนนั้นถึงจะคร่ำครวญมากมาย
นายนิรยบาลก็ต้องโยนเขาลงนรกจนได้"

พระสารีบุตรถามอีกว่า
"คน ๒ จำพวก  คือ
พวกที่ ๑  คนที่ประพฤติอธรรม  แม้จะทำเพื่อบุคคลอื่นก็ตาม
กับพวกที่ ๒  คนที่ไม่ประพฤติอธรรม  และทำเพื่อบุคคลอื่นเช่นกัน
คนจำพวกไหนประเสริฐกว่ากัน"

พราหมณ์ตอบว่า
"คนที่ไม่ประพฤติอธรรม  ประเสริฐกว่า"

พระสารีบุตรถามอีกว่า
"การงานที่ประกอบด้วยธรรม  โดยไม่ต้องทำบาปกรรม
และเป็นข้อปฏิบัติที่เป็นบุญได้
ที่ทำให้เขาเลี้ยงดูบุคคลทั้งหลายได้  มีอยู่หรือไม่"

พราหมณ์ตอบว่า  "มีอยู่"
.....

(อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ในธนัญชานิสูตร)


ในเมื่อการทำบาป  การเบียดเบียนผู้อื่น  ไม่ใช่สิ่งประเสริฐ
เป็นเหตุให้ถูกติเตียนได้ในปัจจุบัน
และหลังจากตายแล้ว  ยังต้องไปรับกรรมในนรกอีก
ไม่มีข้ออ้างใด ๆ มาเป็นข้อยกเว้นจากนายนิรยบาลได้

และวิธีที่เราจะเลี้ยงดูพ่อแม่  เลี้ยงดูลูกเมีย  หรือคนอื่น ๆ ได้
โดยที่ไม่ต้องทำบาป  ไม่ต้องเบียดเบียนผู้อื่น  ก็มีอยู่มากมาย

แล้วเราควรทำบาปหรือ
ควรเบียดเบียนคนอื่นหรือ
ไม่ต้องทำความเลว  ก็เลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัวได้  ไม่ใช่หรือ
..........


คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น