เห็นธรรมในทุกเหตุการณ์ได้บ้างไหม


เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล

พ่อค้าคนหนึ่งบรรทุกสินค้าขึ้นเกวียนเพื่อไปขายยังต่างแดน
เขาได้นิมนต์พระภิกษุทั้งหลายที่ต้องการไปยังที่นั้น  ให้เดินทางไปด้วยกัน
โดยขอปวารณาดูแลเรื่องภัตตาหารในระหว่างทาง

โจรกลุ่มหนึ่งได้ข่าวว่าพ่อค้าคนนี้กำลังเดินทางไปค้าขาย
จึงพากันไปดักซุ่มเพื่อปล้นทรัพย์ในทางที่พ่อค้าจะไป

เมื่อพ่อค้าได้ข่าวว่ามีกลุ่มโจรดักซุ่มอยู่ในทางข้างหน้า
จึงพักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในระหว่างทาง  แล้วคิดว่าจะเดินทางกลับ

ฝ่ายโจรเมื่อทราบว่าพ่อค้าไม่ไปต่อแล้ว  ก็พากันไปดักซุ่มในทางที่พ่อค้าจะกลับ

พ่อค้าเมื่อได้ข่าวว่ากลุ่มโจรไปดักรออยู่ในทางกลับ
ก็คิดว่าจะไม่เดินทางไปข้างหน้าต่อ  และจะยังไม่เดินทางกลับด้วย
แล้วเล่าเหตุการณ์ให้ภิกษุทั้งหลายรับรู้

ภิกษุเหล่านั้นจึงตัดสินใจเดินทางไปกันเอง
แล้วได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
.....

อีกเหตุการณ์หนึ่ง
ขณะที่พระอานนท์กำลังเดินบิณฑบาตอยู่ในกรุงเวสาลี  ได้เห็นลิจฉวีกุมารฝึกยิงธนูให้เข้าเป้าที่มีขนาดเล็ก  จากที่ไกล  ติดต่อกัน  ได้อย่างแม่นยำ
เมื่อกลับจากบิณฑบาต  ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว  ก็ได้เข้าไปกราบทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
.....

ทั้ง ๒ เหตุการณ์นี้  พระพุทธเจ้าจะตรัสว่าอย่างไร
ถ้ามีคนมาเล่าเหตุการณ์เช่นนี้ให้เราฟัง  เราจะคิดอย่างไร
.....



(ขอบคุณภาพจาก  watdalarna.se/image/LifeofBuddha041.png)

สำหรับเรื่องของพ่อค้าเกวียน
บางคนอาจจะคิดว่า  "เราต้องป้องกันอันตรายจากพวกโจร  ต้องเตรียมอาวุธให้พร้อม  ต้องเลือกเส้นทางให้ดี  ต้องทำประกันทรัพย์สิน  ต้องแจ้งหน่วยงานราชการ  ต้อง ... ฯลฯ"

แต่สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุกลุ่มนั้นคือ
"ให้เว้นจากกรรมชั่วทั้งหลาย"

โดยตรัสอุปมาว่า
ทางที่มีโจรซุ่มอยู่เป็นอันตราย  พ่อค้าย่อมเว้นทางนั้น
ยาพิษที่ร้ายแรงอาจทำให้ตาย  ผู้ที่อยากมีชีวิตอยู่ย่อมเว้นจากยาพิษนั้น
ฉันใดก็ดี  การเวียนว่ายตายเกิดมีแต่ทุกข์
ภิกษุจึงควรเว้นกรรมชั่วทั้งหลายที่เป็นเหตุให้ต้องไปเกิดอีก  ฉันนั้น
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในมหาธนวาณิชวัตถุ)


สำหรับเรื่องของลิจฉวีกุมาร
บางคนอาจจะคิดว่า  "คนเหล่านั้นมีฝีมือการยิงธนูยอดเยี่ยม  น่าทึ่ง  น่าไปดู"

แต่สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์คือ
"ให้ทำความเพียรเพื่อให้รู้ชัดในพระธรรมคำสอนของพระองค์"

โดยตรัสว่า
แม้การยิงธนูให้เข้าเป้าได้แม่นยำถึงขนาดนั้น  จะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
แต่การใช้ปลายขนทรายที่แบ่งเป็น ๗ เสี่ยง  แทงเข้าที่ปลายขนทราย  ทำได้ยากกว่า
และยิ่งไปกว่านั้น
การแทงตลอดตามความเป็นจริงในอริยสัจ ๔  ชื่อว่าแทงตลอดสิ่งที่แทงตลอดได้ยากยิ่งกว่า
ฉะนั้น  ภิกษุจึงควรทำความเพียรเพื่อให้รู้ชัดในอริยสัจ ๔

เพราะความเพียรในการฝึกยิงธนูเช่นนั้น  ไม่เป็นประโยชน์
แต่ความเพียรเพื่อให้รู้ชัดในธรรม  เป็นประโยชน์
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในวาลสูตร)


ไม่ว่าจะพบเห็นเหตุการณ์ใด  หรือได้ยินได้ฟังสิ่งใดมา
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย
คือ  "การมีธรรมเป็นเกาะ  มีธรรมเป็นที่พึ่ง  ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง"

ถ้าเราสามารถเจริญอยู่ในธรรม
สามารถเห็นธรรมได้ในเหตุการณ์ต่าง ๆ
เราก็จะไม่หลงไปกับกระแสของโลก  กระแสของกิเลส
เราจะได้ประโยชน์จากการนำธรรมนั้น ๆ มาใคร่ครวญพิจารณา
และเกิดประโยชน์แก่ตนเองได้ต่อไป

วันนี้  เมื่อเราเสพสิ่งต่าง ๆ แล้ว  เรามีธรรมเป็นที่พึ่งได้อย่างไร
เราอ่านข่าวการเมืองแล้วคิดอย่างไร
เราอ่านข่าวอาชญากรรมแล้วคิดอย่างไร
เราอ่านข่าวดาราแล้วคิดอย่างไร
เราอ่านโพสต์ในโซเชียลแล้วคิดอย่างไร
เราดูละครทีวีแล้วคิดอย่างไร
ฯลฯ

เราได้เห็นธรรมจากเหตุการณ์นั้น ๆ ที่เป็นประโยชน์ในทางธรรมแก่ตนเองบ้างหรือยัง
..........


คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. มหาธนวาณิชวัตถุ (เรื่องพ่อค้าผู้มีทรัพย์มาก)
๒. วาลสูตร (ว่าด้วยอุปมาด้วยปลายขนทราย)


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น