เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล
พ่อค้าคนหนึ่งบรรทุกสินค้าขึ้นเกวียนเพื่อไปขายยังต่างแดน
เขาได้นิมนต์พระภิกษุทั้งหลายที่ต้องการไปยังที่นั้น ให้เดินทางไปด้วยกัน
โดยขอปวารณาดูแลเรื่องภัตตาหารในระหว่างทาง
โจรกลุ่มหนึ่งได้ข่าวว่าพ่อค้าคนนี้กำลังเดินทางไปค้าขาย
จึงพากันไปดักซุ่มเพื่อปล้นทรัพย์ในทางที่พ่อค้าจะไป
เมื่อพ่อค้าได้ข่าวว่ามีกลุ่มโจรดักซุ่มอยู่ในทางข้างหน้า
จึงพักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในระหว่างทาง แล้วคิดว่าจะเดินทางกลับ
ฝ่ายโจรเมื่อทราบว่าพ่อค้าไม่ไปต่อแล้ว ก็พากันไปดักซุ่มในทางที่พ่อค้าจะกลับ
พ่อค้าเมื่อได้ข่าวว่ากลุ่มโจรไปดักรออยู่ในทางกลับ
ก็คิดว่าจะไม่เดินทางไปข้างหน้าต่อ และจะยังไม่เดินทางกลับด้วย
แล้วเล่าเหตุการณ์ให้ภิกษุทั้งหลายรับรู้
ภิกษุเหล่านั้นจึงตัดสินใจเดินทางไปกันเอง
แล้วได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
.....
อีกเหตุการณ์หนึ่ง
ขณะที่พระอานนท์กำลังเดินบิณฑบาตอยู่ในกรุงเวสาลี ได้เห็นลิจฉวีกุมารฝึกยิงธนูให้เข้าเป้าที่มีขนาดเล็ก จากที่ไกล ติดต่อกัน ได้อย่างแม่นยำ
เมื่อกลับจากบิณฑบาต ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ก็ได้เข้าไปกราบทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
.....
ทั้ง ๒ เหตุการณ์นี้ พระพุทธเจ้าจะตรัสว่าอย่างไร
ถ้ามีคนมาเล่าเหตุการณ์เช่นนี้ให้เราฟัง เราจะคิดอย่างไร
.....
สำหรับเรื่องของพ่อค้าเกวียน
บางคนอาจจะคิดว่า "เราต้องป้องกันอันตรายจากพวกโจร ต้องเตรียมอาวุธให้พร้อม ต้องเลือกเส้นทางให้ดี ต้องทำประกันทรัพย์สิน ต้องแจ้งหน่วยงานราชการ ต้อง ... ฯลฯ"
แต่สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุกลุ่มนั้นคือ
"ให้เว้นจากกรรมชั่วทั้งหลาย"
โดยตรัสอุปมาว่า
ทางที่มีโจรซุ่มอยู่เป็นอันตราย พ่อค้าย่อมเว้นทางนั้น
ยาพิษที่ร้ายแรงอาจทำให้ตาย ผู้ที่อยากมีชีวิตอยู่ย่อมเว้นจากยาพิษนั้น
ฉันใดก็ดี การเวียนว่ายตายเกิดมีแต่ทุกข์
ภิกษุจึงควรเว้นกรรมชั่วทั้งหลายที่เป็นเหตุให้ต้องไปเกิดอีก ฉันนั้น
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในมหาธนวาณิชวัตถุ)
สำหรับเรื่องของลิจฉวีกุมาร
บางคนอาจจะคิดว่า "คนเหล่านั้นมีฝีมือการยิงธนูยอดเยี่ยม น่าทึ่ง น่าไปดู"
แต่สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์คือ
"ให้ทำความเพียรเพื่อให้รู้ชัดในพระธรรมคำสอนของพระองค์"
โดยตรัสว่า
แม้การยิงธนูให้เข้าเป้าได้แม่นยำถึงขนาดนั้น จะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
แต่การใช้ปลายขนทรายที่แบ่งเป็น ๗ เสี่ยง แทงเข้าที่ปลายขนทราย ทำได้ยากกว่า
และยิ่งไปกว่านั้น
การแทงตลอดตามความเป็นจริงในอริยสัจ ๔ ชื่อว่าแทงตลอดสิ่งที่แทงตลอดได้ยากยิ่งกว่า
ฉะนั้น ภิกษุจึงควรทำความเพียรเพื่อให้รู้ชัดในอริยสัจ ๔
เพราะความเพียรในการฝึกยิงธนูเช่นนั้น ไม่เป็นประโยชน์
แต่ความเพียรเพื่อให้รู้ชัดในธรรม เป็นประโยชน์
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในวาลสูตร)
ไม่ว่าจะพบเห็นเหตุการณ์ใด หรือได้ยินได้ฟังสิ่งใดมา
สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย
คือ "การมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง"
ถ้าเราสามารถเจริญอยู่ในธรรม
สามารถเห็นธรรมได้ในเหตุการณ์ต่าง ๆ
เราก็จะไม่หลงไปกับกระแสของโลก กระแสของกิเลส
เราจะได้ประโยชน์จากการนำธรรมนั้น ๆ มาใคร่ครวญพิจารณา
และเกิดประโยชน์แก่ตนเองได้ต่อไป
วันนี้ เมื่อเราเสพสิ่งต่าง ๆ แล้ว เรามีธรรมเป็นที่พึ่งได้อย่างไร
เราอ่านข่าวการเมืองแล้วคิดอย่างไร
เราอ่านข่าวอาชญากรรมแล้วคิดอย่างไร
เราอ่านข่าวดาราแล้วคิดอย่างไร
เราอ่านโพสต์ในโซเชียลแล้วคิดอย่างไร
เราดูละครทีวีแล้วคิดอย่างไร
ฯลฯ
เราได้เห็นธรรมจากเหตุการณ์นั้น ๆ ที่เป็นประโยชน์ในทางธรรมแก่ตนเองบ้างหรือยัง
..........
คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. มหาธนวาณิชวัตถุ (เรื่องพ่อค้าผู้มีทรัพย์มาก)
๒. วาลสูตร (ว่าด้วยอุปมาด้วยปลายขนทราย)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น