คุณคิดอย่างไรกับคำสอนที่ว่า
"คนที่ฆ่าสัตว์ทั้งหมด ต้องตกนรก
คนที่ลักทรัพย์ของผู้อื่นทั้งหมด ต้องตกนรก
คนที่ประพฤติผิดในกามทั้งหมด ต้องตกนรก
คนที่พูดเท็จทั้งหมด ต้องตกนรก"
คุณคิดว่า ผู้ที่เชื่อในคำสอนนี้จะมีพฤติกรรมอย่างไร
.....
ตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงทุกวันนี้
เราทุกคนเคยทำกรรมที่ไม่ดีมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น
บางคนอาจจะเคยฆ่าสัตว์ เคยลักทรัพย์ เคยประพฤติผิดในกาม เคยพูดเท็จ
ถ้าคำสอนข้างต้นนั้นเป็นจริง
เราทุกคนก็เหมือนถูกสาปให้ต้อง "ตกนรก" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะไม่มีใครไม่เคยทำผิดมาก่อน
และถ้าเรารู้ว่ายังไง ๆ ก็ต้องตกนรก ไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ถามว่า เราจะหยุดทำกรรมที่ไม่ดีไหม เราจะทำแต่กรรมดีไหม
.....
คำสอนข้างต้นนั้น (ซึ่งเป็นลักษณะคำขู่) จึงไม่ใช่คำสอนในพระพุทธศาสนา
แล้วคำสอนในพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นอย่างไรล่ะ
ในสมัยพุทธกาล
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นโทษภัยต่าง ๆ เป็นอันมาก
ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม การพูดเท็จ
แล้วจึงตรัสสอนว่า
"ท่านทั้งหลาย จงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์
เว้นจากการลักทรัพย์
เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เว้นจากการพูดเท็จ"
.....
ผู้ที่ได้ฟังและพิจารณาเห็นจริงตาม ก็จะคิดได้ว่า
"การที่เราฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ เป็นสิ่งไม่ดี
เราเองจะเดือดร้อนจากโทษภัยต่าง ๆ เป็นอันมาก เพราะการกระทำนั้น"
เมื่อคิดได้ดังนี้
ก็จะเลิกฆ่าสัตว์ เลิกลักทรัพย์ เลิกประพฤติผิดในกาม เลิกพูดเท็จ
และตั้งใจงดเว้นขาดจากการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดนี้ต่อไป
.....
(อ่านเพิ่มเติมได้ในสังขธมสูตร)
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
ไม่มีการขู่ให้กลัวด้วยนรก
ไม่มีการล่อให้เชื่อด้วยสวรรค์
มีแต่การชี้ให้เห็นความจริงตามที่เป็นจริง
เราทุกคนเคยทำกรรมที่ไม่ดีมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น
บางคนอาจจะเคยฆ่าสัตว์ เคยลักทรัพย์ เคยประพฤติผิดในกาม เคยพูดเท็จ
ฉะนั้น ถ้าเราจะต้องประสบกับความทุกข์เดือดร้อนเพราะผลจากกรรมที่เราทำเองนั้น
ก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรมแล้ว
แต่ถ้าเรายังฆ่าสัตว์ ยังลักทรัพย์ ยังประพฤติผิดในกาม ยังพูดเท็จ ยังไม่หยุด
เราก็จะต้องได้รับความทุกข์เดือดร้อนต่อไปอีก ไม่จบสิ้น
ด้วยเหตุแห่งคำสอนนี้
เราจึงจะมีเจตนาละเว้นจากการทำกรรมที่ไม่ดีอีกต่อไป
.....
"การทำบาป มีโทษภัยต่าง ๆ เป็นอันมาก
ฉะนั้น จงเว้นจากการทำบาปทั้งปวงเถิด"
..........
คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง
๑. สังขธมสูตร (ว่าด้วยคนเป่าสังข์)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น