ควรให้ทานประหนึ่งว่าให้ของคนรัก


เคยเป็นไหมครับ ...  เวลาที่เราจะเลือกหาของขวัญให้คนที่เรารักมากที่สุด

เราจะใช้เวลาคิดนานมาก  ว่าจะให้อะไรดี
ให้ไปแล้วเขาหรือเธอจะชอบไหม
จะได้ใข้ประโยชน์ไหม
ถ้าให้ของชิ้นนี้ในตอนนี้จะเหมาะไหม
เรื่องโน้น  เรื่องนี้  เรื่องนั้น  สารพัดความคิดที่จะผุดขึ้นมา

ทำไมถึงต้องคิดมากขนาดนั้นล่ะ

นั่นเพราะเราอยากให้เขาหรือเธอมีความสุขกับสิ่งที่เราจะให้นั่นเอง
และเมื่อเห็นผู้รับถูกใจและใช้ประโยชน์จากของที่เราให้
เราก็จะดีใจและมีความสุขมาก

แต่ในทางกลับกัน ...  ถ้าเราไม่ได้เต็มใจที่จะให้ตั้งแต่แรก

เราก็คงไม่พิถีพิถันในการเลือกเฟ้นของขวัญ
เราก็คงไม่สนใจว่าผู้รับจะรู้สึกอย่างไร  จะได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นไหม
และถึงแม้ว่าผู้รับจะถูกใจกับของที่เราให้  เราก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษขึ้นมา
.....


ทีนี้  ลองเปรียบเทียบกับการทำบุญให้ทาน

ถ้าเรารู้ว่าการให้ทานมีผลมีอานิสงส์
รู้ว่าการให้ทานเป็นการละความตระหนี่ในใจ  ให้เรารู้จักเสียสละและแบ่งปัน
เราก็จะเป็นผู้ที่มีความยินดีในการให้
จะเลือกให้ของที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับ  (ยอมเสียสละเวลาไปเลือกซื้อของที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์มาทำบุญให้ทาน)
และจะดีใจเมื่อเห็นผู้รับได้ใช้ประโยชน์จากของนั้น

แต่ถ้าเรามีความเห็นในเรื่องผลของทานไม่ตรงตามพระพุทธศาสนา

(เช่น  เชื่อว่าให้ทานแล้วจะหายเจ็บหายป่วย  จะถูกหวยรางวัลใหญ่  จะได้อุทิศผลบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเลิกจองเวร  ฯลฯ)
เราก็จะให้ทานโดยที่ไม่ได้ละความตระหนี่ในใจ
ให้ทานอย่างไม่เต็มใจ  (แต่ให้เพราะมีเหตุจำเป็น)
ไม่พิถีพิถันในการเลือกของให้ทาน  (เช่นไปซื้อถังสังฆทานสำเร็จรูปจากร้านค้าทั่วไป  ทั้งที่ของบางอย่างในนั้นเราเองก็ยังไม่อยากใช้เลย)
และเราจะไม่สนใจว่าของที่ให้ทานไปนั้นจะเกิดประโยชน์แก่ผู้รับหรือไม่



องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ (ในอสัปปุริสทานสูตร) เกี่ยวกับความแตกต่างในการให้ทานของสัตบุรุษ (คนดีมีศีลธรรม)  และของอสัตบุรุษ

ยกตัวอย่างคือ  อสัตบุรุษจะให้ของที่เป็นเดน  และไม่เห็นผลที่จะพึงมาถึงก็ให้ (สักแต่ว่าให้)
ส่วนการให้ทานของสัตบุรุษจะให้ของที่ไม่เป็นเดน  และเห็นผลที่จะพึงมาถึงจึงให้ (ให้เพราะรู้ว่ามีผลมีอานิสงส์)

นอกจากนี้  ยังได้ตรัสไว้ (ในสัปปุริสทานสูตร) อีกด้วยว่า

"ผู้ที่ให้ทานด้วยศรัทธา  เมื่อทานนั้นให้ผล  เขาย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง  และเป็นผู้มีรูปงาม  น่าดู  น่าเลื่อมใส

ผู้ที่ให้ทานโดยเคารพ  เมื่อทานนั้นให้ผล  เขาย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง  และเป็นผู้ที่คนในครอบครัวและบริวารให้ความเคารพ


ผู้ที่ให้ทานตามกาลอันควร  เมื่อทานนั้นให้ผล  เขาย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง  และเป็นผู้มีสิ่งที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์


ผู้ที่ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์  เมื่อทานนั้นให้ผล  เขาย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง  และเป็นผู้มีจิตน้อมไปเพื่อใช้สอยในสิ่งที่ดี


ผู้ที่ให้ทานโดยไม่ลบหลู่คุณของตนและผู้อื่น  เมื่อทานนั้นให้ผล  เขาย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง  และไม่มีภัยอันตรายใด ๆ มาถึงทรัพย์สมบัติของเขา"


ฉะนั้น  ถ้าเรารู้ว่าการให้ทานมีผลมีอานิสงส์

เราจะให้ทานอย่างสัตบุรุษ
เราจะยินดีและพิถีพิถันในการให้ทาน
เหมือนที่เรายินดีและพิถีพิถันที่จะให้ของกับคนที่เรารักฉันนั้น

คลิกอ่านเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกและอรรถกถาที่เกี่ยวข้อง

๑. อสัปปุริสทานสูตร (ว่าด้วยทานของอสัตบุรุษ)
๒. สัปปุริสทานสูตร (ว่าด้วยทานของสัตบุรุษ)



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น